|
1.ถาม : TFEX คืออะไร ?
ตอบ : TFEX: Thailand Futures Exchange หรือ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินการเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 โดยมีกำหนดการว่าจะเปิดการซื้อขายในวันที่ 28 เมษายน 2549 เป็นวันแรก
2.ถาม : ทำไมต้องมี TFEX ?
ตอบ : - เพื่อเป็นศูนย์กลางการซื้อขายตราสารที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ลงทุนและผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงในการบริหารเงินลงทุนและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อเป็นทางเลือกของการลงทุน ภายใต้ระบบซื้อขายที่มีความยุติธรรม โปร่งใส มีสภาพคล่อง และมั่นใจในระบบการซื้อขายและการชำระราคา
- เพื่อให้ผู้ลงทุนมีแหล่งข้อมูลที่สะท้อนความคาดหวังของผู้ที่อยู่ในตลาดที่มีต่อราคาสินทรัพย์ในอนาคต ส่งผลให้ผู้ลงทุนและผู้ประกอบการสามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ถาม : สินค้าที่ซื้อ/ขายใน TFEX คือ ?
ตอบ : จากพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 สินค้าที่สามารถซื้อขายในบมจ. ตลาดอนุพันธ์ฯ ได้ คือ ฟิวเจอร์ส (Futures) ออปชัน (Options) และออปชันบนสัญญาฟิวเจอร์ส (Options on Futures) ของสินทรัพย์อ้างอิงประเภทต่าง ๆ ได้แก่
• อ้างอิงกับตราสารทุน ได้แก่ ดัชนีราคาหลักทรัพย์ หลักทรัพย์
• อ้างอิงกับตราสารหนี้ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล อัตราดอกเบี้ย
• อ้างอิงกับราคาหรือดัชนีราคาอื่นๆได้แก่ ทองคำ น้ำมันดิบ อัตราแลกเปลี่ยน โดยในช่วงแรกของการเปิดตลาดนั้น TFEX ได้กำหนด ให้ สินค้าที่จะทำการซื้อขายได้แก่ ดัชนี SET 50 หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า SET 50 Index Futures
4. ถาม : SET 50 Index Futures คืออะไร ?
ตอบ : SET50 Index Futures คือ สัญญาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงกันในวันนี้ ว่าจะซื้อขาย SET50 Index ในราคาหนึ่ง ในอนาคตข้างหน้า (เช่น 3 เดือน, 6 เดือน เป็นต้น) และเนื่องจาก SET50 index
นั้นเป็นดัชนีไม่ใช่หุ้น ผู้ซื้อผู้ขายไม่สามารถส่งมอบดัชนีกันได้ จึงมีการจ่ายชำระเงินกำไรขาดทุนกันแทน ทั้งนี้ เงินกำไรขาดทุนนั้น จะคำนวณจากส่วนต่างระหว่างระดับดัชนีที่ตกลงกันในวันนี้ กับ ระดับดัชนีในอนาคต แล้วแปลงให้เป็นจำนวนเงิน
5. ถาม : ราคา Futures แตกต่างจากราคาในตลาดจริงอย่างไร ?
ตอบ : ราคาในตลาด Futures หรือ ราคาในอนาคตนั้น อาจจะ มากหรือน้อยกว่า ราคาในตลาดจริง หรือตลาดปัจจุบันก็ได้ ขึ้นอยู่กับต้นทุนในการถือครอง และ ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ ว่าอะไรจะมากกว่ากัน โดย แยกพิจารณาเป็น 2 กรณี คือ
1. ราคาฟิวเจอร์ส (Future Price: F) ของสินทรัพย์ทางการเงิน เท่ากับ ราคาสินค้าในปัจจุบัน(Spot Price: S) บวกด้วยต้นทุนในการกู้ยืมเงินเพื่อถือสินทรัพย์จนถึงวันครบกำหนด หักลบกับ ผลตอบแทนจากตราสารทางการเงินนั้น
F=S+SrT-Sdt
F = ราคาสินค้าในอนาคต (Future price), S = ราคาสินค้าในปัจจุบัน (Spot price), r = ต้นทุนในการกู้ยืมเงิน (%), d = ผลตอบแทนจากตราสารทางการเงิน (%), T = อายุคงเหลือของสัญญา
2. ราคาฟิวเจอร์ส ของสินค้าโภคภัณฑ์ เท่ากับ ราคาสินค้าในปัจจุบัน บวกด้วยต้นทุนในการกู้ยืมเงินเพื่อถือสินค้าจนถึงวันครบกำหนด หักลบกับ ผลตอบแทนจากการถือครองสินค้านั้น
F=S+SrT+SwT-SyT
F = ราคาสินค้าในอนาคต (Future price), S = ราคาสินค้าในปัจจุบัน (Spot price), r = ต้นทุนในการกู้ยืมเงิน (%), d = ผลตอบแทนจากตราสารทางการเงิน (%), w = ต้นทุนในการถือครองสินค้า (%), y = ผลตอบแทนจากการถือครองสินค้า (%), T = อายุคงเหลือของสัญญา
|
|