6. ถาม : ใครคือผู้ที่ควรลงทุนในตลาด TFEX ?
ตอบ : ผู้ลงทุนในตลาด TFEX แบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ ผู้ถัวความเสี่ยง (Hedgers), นักเก็งกำไร (Speculators) และ นักค้ากำไร (Arbitrageur) โดยมีรายละเอียดแต่ละประเภทดังนี้

• ผู้ถัวความเสี่ยง (Hedgers) คือ ผู้ที่ต้องการจะประกันความเสี่ยงของราคาสินค้าที่ตัวเองถือครองอยู่ โดยใช้กลไกของตลาด Futuresในการบริหารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น เมื่อผู้จัดการกองทุนหนึ่ง มีมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ 100,000,000 บาท โดยลงทุนอยู่ในหุ้นทั้ง 50 ตัว ใน SET50 แต่เนื่องจากสภาพตลาดหุ้นในช่วงนั้นมีความผันผวน และอาจจะมีแนวโน้มลงได้ ซึ่งจะทำให้มีผลขาดทุน โดยผู้จัดการกองทุนยังไม่ต้องการขายหุ้นดังกล่าวทิ้งไป เพราะกำลังรอปันผลที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตอยู่ แต่ใน 3 เดือนข้างหน้านี้ คาดว่าหุ้นจะลงไปประมาณ 10% ของราคาปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ผู้จัดการกองทุนขาดทุนได้ ดังนั้นผู้จัดการกองทุนนี้ จึงทำการ Short Position ไว้ใน ตลาด TFEX ณ ราคาในปัจจุบันของตลาด หากว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า หุ้นตกจริง ผู้จัดการกองทุนก็จะขาดทุนในตลาดหุ้น แต่จะได้กำไร จากการเปิด Short Position ในตลาดฟิวเจอร์สไว้ มาชดเชย และถึงแม้ว่าหุ้นจะไม่ตกจริงๆ อย่างที่ผู้จัดการกองทุนคาดไว้ ก็ยังคงได้กำไร จากตลาดจริง มาชดเชยในส่วนที่คาดทุนจากตลาด ฟิวเจอร์สได้ ดังนั้น ผู้จัดการกองทุน สามารถจำกัดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยใช้ตลาดฟิวเจอร์ส

• นักเก็งกำไร (Speculators) เป็นผู้ที่เข้ามาสู่ตลาดโดยหวังกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อกับราคาขาย โดยยอมรับความเสี่ยงที่อาจขาดทุนได้หากทิศทางของราคาไม่เป็นไปตามที่คาด เช่น หากนักลงทุนเห็นราคาในตลาดฟิวเจอร์สต่ำเกินไป คือคาดว่า ราคาในอีก 3 – 6 เดือนข้างหน้า ราคาน่าจะสูงกว่านี้ นักลงทุนก็สามารถ เข้ามาเปิด Long Position ไว้ เมื่อราคาขึ้นจริงๆ ใน 3 เดือนต่อมา นักลงทุนก็สามารถปิดสถานะ โดยทำการ Short Position ในสัญญานั้น เพื่อรับกำไร แต่หากคาดการณ์ผิดทาง ก็อาจทำให้มีผลขาดทุนได้ด้วยเช่นกัน

• นักค้ากำไร (Arbitrageurs) เป็นผู้ที่เข้ามาทำกำไรในความไม่เท่าเทียมกันของข่าวสารข้อมูลในตลาด เช่น ในกรณีที่ราคาปัจจุบันของ SET 50 Index ต่ำกว่า ราคา Futures ของ SET 50 Index นักค้ากำไร จะซื้อหลักทรัพย์ใน SET 50 Index ในตลาดจริง และเปิดสถานะ Short Position ในตลาดฟิวเจอร์ส และนักค้ากำไร ก็จะได้กำไรจากทั้ง 2 ตลาด แต่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดไม่บ่อยนัก เพราะเมื่อนักลงทุนเห็นช่องว่างของราคาดังกล่าวก็จะเข้ามาในตลาดทั้งสอง โดยทำให้ราคาในตลาดจริงสูงขึ้น และทำให้ราคาในตลาดฟิวเจอร์สต่ำลง จนไม่มีช่องว่างของราคาพอที่จะทำกำไรได้อีก

7.ถาม : สินค้าชนิดไหน ที่จะถูกเลือกเพื่อนำเข้ามาซื้อขายในตลาด TFEX ?
ตอบ : บมจ. ตลาดอนุพันธ์ฯ มีแผนจะเปิดให้ซื้อขายฟิวเจอร์สของดัชนี SET50 (SET50 Index Futures) เป็นสินค้าแรก และต่อไปจะจัดให้มีการซื้อขายฟิวเจอร์สของสินค้าอ้างอิงในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาล (Bond Futures) หรือฟิวเจอร์สของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Futures) สำหรับฟิวเจอร์ส และ ออปชันของสินค้าอ้างอิงประเภทอื่น ๆ นั้น จะเปิดให้ซื้อขายในลำดับต่อ ๆ ไป

8.ถาม : ข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้า คืออะไร ?
ตอบ : สัญญาฟิวเจอร์ส นั้น หมายถึง สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นสัญญาที่ถูกจัดทำขึ้นระหว่างคู่สัญญา 2 ฝ่าย โดยกำหนดว่าจะมีการซื้อขายสินค้าอ้างอิง (Underlying) อย่างใดอย่างหนึ่งในอนาคต ตามราคาที่ตกลงไว้ โดย ในตลาด TFEX นี้มีข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้า สินค้าตัวแรก คือ SET 50 Index Futures ดังนี้

•• คลิกที่นี่

9. ถาม : ผู้ที่เข้ามาลงทุนใน TFEX จำเป็นต้องมีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นเพราะ นักลงทุนที่เข้ามาอาจจะเข้ามาในฐานะของนักเก็งกำไร ก็ได้ โดยคาดการณ์ว่า ราคาควรจะไปในทิศทางใด เช่น หากคาดว่าราคาจะขึ้น ก็ให้เปิดสถานะ Long Position ก่อน เมื่อราคาขึ้นจริง ก็ปิดสถานะ โดย Short Position และรับกำไรที่ได้จากส่วนต่างของราคา หรือถ้าคาดว่าราคาจะลง ก็ให้เปิดสถานะ Short Position ก่อน เป็นต้น

10. ถาม : คำว่า Margin ในตลาดTFEXกับMarginในตลาดหุ้นเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?
Margin ที่ได้ยินบ่อย ๆ ในการซื้อขายหุ้นนั้นหมายถึง การซื้อขายหุ้นด้วยบัญชีมาร์จิ้น คือผู้ลงทุนยืมเงินส่วนหนึ่งจากโบรกเกอร์มาซื้อขายหุ้น แต่สำหรับ Margin ของการซื้อขายฟิวเจอร์ส คือ เงินประกันที่ผู้ลงทุนต้องนำมาวางเมื่อซื้อขายฟิวเจอร์ส ซึ่งมักจะกำหนดประมาณ 5-10% ของมูลค่าสัญญา และเมื่อสิ้นวัน จะมีการคิดกำไรขาดทุน หากกำไร ผู้ลงทุนก็จะได้เงินเพิ่มในบัญชี แต่ถ้าขาดทุน ก็จะดูว่าเงินประกันที่วางไว้เพียงพอตามที่กำหนดไว้หรือไม่ หากไม่พอ ก็เรียกเพิ่มเติม

 
    •• กลับหน้าเดิม คลิกที่นี่ ••  

© 2006 www.poems.in.th • all rights reserved.
homepage contact us